1. ขนาดอ่างผสมหรือเรียกอีกอย่างว่าโถ
ยิ่งอ่างใหญ่ยิ่งจุส่วนผสมเยอะ แปลว่าทำเยอะในครั้งเดียวได้ แต่อ่างที่ใหญ่มากๆอย่าง 10 ลิตรก็มีข้อเสียคือเมื่อ
เราต้องการตีส่วนผสมที่น้อยมันทำไม่ด้ายย เพราะหัวตีมันไปไม่ถึงก้นอ่าง ขนาดอ่างที่นิยมในปัจจุบันคือ 5 ลิตร
ทำจากสแตนเลส อ่างสแตนเลสดีกว่าอ่างพลาสติกหรือแก้ว (รุ่นคุณยายทวดคลาสสิกมากๆ) คือเมื่อเราตีวิปครีม
หรือส่วนผสมที่ควรคงความเย็นขณะตีสแตนเลสจะเก็บความเย็นได้ดีกว่าค่ะ
2. กำลังมอเตอร์ หรือแรงตีที่เรียกกันว่าวัตต์ (watt)
เหมือนกำลังม้าของรถยิ่งตัวเลขยิ่งสูงความเร็วและแรงในการตียิ่งมาก และตัวเลขยิ่งมากก็ยิ่งแพงด้วย แต่สิ่งที่ได้
จากกำลังวัตต์ที่สูงคือ ประหยัดเวลา การตีส่วนผสมที่มี่มวลหนักหรือเรียกง่ายๆคือส่วนผสมที่หนักๆแน่นหนืด กำลัง
วัตต์ที่สูงสามารถทำให้ส่วนผสมเข้ากันได้ง่ายและได้ดีกว่าวัตต์น้อย (นึกถึงรถที่วิ่งขึ้นเขาค่ะ ถ้ารถกำลังดีก็ไปฉิว
รถกำลังน้อยก็ลุ้นกันจนเหนื่อยอาจได้กลิ่นควันออกมาจากตัวเครื่องเป็นของแถมด้วย)
สำหรับงานเบเกอรี่ทั่วไปที่ไม่เน้นขนมปังบ่อยมากนักแนะนำที่ 300 วัตต์ขึ้นไปค่ะ
3. อายุการใช้งานและความทนของเครื่อง
อันนี้ขอเน้นว่าสำคัญค่ะ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องที่เราจะซื้อนั้นใช้ทนทานคุ้มกับเงินที่เราจะเสียไปไหม คำตอบอยู่
ที่ประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้ซึ่งบอกต่อกันมา ***ทั้งนี้อายุการใช้งานของอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งๆจะยาวนานเพียงใด แม้
ทางผู้ผลิตจะผลิตออกมาได้ดีทนทานอย่างไร ปัจจัยที่ลืมไม่ได้เลยคือตัวคุณเองค่ะ ว่าคุณใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้ให้ถูก
ลักษณะเหมาะสมกับคุณสมบัติของตัวอุปกรณ์ไหม คุณเก็บทำความสะอาดรักษาดีอย่างไรเมื่อคุณใส่ใจจุดนี้อุปกรณ์
ทุกๆชิ้นก็พร้อมจะอยู่กับคุณยาวนานจนหมดอายุการใช้งานตามกาลเวลาอันควรค่ะ***
4. เครื่องทำจาก? โลหะหรือพลาสติก
แน่นอนอยู่ว่าโลหะย่อมทนทานแข็งแรงกว่าพลาสติก แต่ก็มีข้อเสียเช่น อาจจะมีกระแสไฟลงมาที่ตัวเครื่องนิดหน่อย
อาจทำให้ผุ้ใช้เกิดการระแวงการใช้งานได้ และน้ำหนักเครื่องก็จะมากกว่ารุ่นที่ใช้โคร้งสร้างเป็นพลาสติกหรือไฟร์เบอร์